บล็อก

ผู้บริโภคเชื่อว่าผู้ผลิตต้องมีส่วนรับผิดชอบในปัญหาความยั่งยืนรวมถึงพลังของผู้บริโภคเองในการสร้างความเปลี่ยนแปลง

พฤศจิกายน 9th, 2021 | ข่าว Mintel |

อ้างอิงจากผลการวิจัยล่าสุดจาก Mintel Sustainability Barometer ผู้บริโภคทั่วโลกเชื่อหลากหลายบริษัทจะต้องแสดงความรับผิดชอบสูงสุดในการที่เป็นจุดก่อเกิดปัญหาความยั่งยืนในหลายภาคส่วน อย่างไรก็ตามพวกเขาเองก็ยอมรับว่าพฤติกรรมผู้บริโภคสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน

ผู้บริโภคทั่วโลกเกือบครึ่ง (48%) เชื่อว่าผู้ผลิตแสดงความรับผิดชอบผ่านการพบเห็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่หนึ่งในสี่ (25%) เชื่อว่าความรับผิดชอบเป็นของผู้บริโภค และอีกหนึ่งในห้า (20%) เชื่อว่ามาจากการบริหารจัดการของรัฐบาล ในส่วนของการลดมลพิษจากการขนส่งทางอากาศ สองในห้า (41%) ของผู้บริโภคทั่วโลกเชื่อว่าเป็นความรับผิดชอบของบริษัทผู้ผลิตต่าง ๆ โดย 36% เชื่อว่าเป็นเรื่องของนโยบายรัฐ และอีก 12% มาจากผู้บริโภค

อย่างไรก็ตามผู้บริโภคกว่าครึ่ง (54%) เชื่อว่าพวกเขายังมีเวลาเหลือที่จะช่วยรักษาโลกใบนี้ โดย 51% เชื่อว่าพฤติกรรมของพวกเขาสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงแก่สิ่งแวดล้อมในทางที่ดีขึ้น ทัศนคติเหล่านี้มีมากในกลุ่มผู้บริโภคชาวแคนาดา (65%) ชาวอิตาลี (64%) ชาวเยอรมันและชาวสเปน (59%) และชาวอังกฤษ (56%)

เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเรื่องความยั่งยืนใหม่อย่าง Mintel Sustainability Barometer รวบรวมผลการวิจัยและข้อมูลเชิงลึกเชิงทัศนคติ พฤติกรรมและความชอบในการซื้อสินค้าของผู้บริโภคใน 16 ประเทศทั่วโลก พร้อมข้อเสนอและคำแนะนำที่เหมาะสำหรับแบรนด์ต่าง ๆ จากการอ้างอิงของข้อมูลนวัตกรรมชั้นนำ การสื่อสารที่น่าสนใจและแคมเปญต่าง ๆ

Richard Cope, Senior Trends Consultant, Mintel Consulting กล่าวว่า:

“จากการศึกษาของ International Energy Agency (IEA) เชื่อว่าเกินครึ่งของการลดปริมาณมลพิษที่ถูกสะสมให้เหลือศูนย์นั้นเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของผู้บริโภค โดยบางคนอาจหวังว่าผู้บริโภคจะยอมรับความรับผิดชอบนี้มากขึ้น อย่างไรก็ตามผลวิจัยขอเราชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคนั้นมองความรับผิดชอบเป็นของผู้ผลิตเสียมากกว่า ซึ่งมีเหตุผลประกอบมากมายว่าทำไมผู้บริโภคถึงมอบภาระเหล่านี้ให้กับบริษัทผู้ผลิต อย่างเช่น การประท้วงที่ส่งเสริมความเชื่อว่าบริษัทผู้ผลิตควรเป็นผู้รับผิดชอบต่อปัญหาเหล่านี้ เพราะปัญหาดังกล่าวยากเกินความสามารถของผู้บริโภคที่จะช่วยแก้ไขและรับมือได้”

“อย่างไรก็ตาม ก็ยังดีที่ผู้บริโภคยอมรับว่าพวกเขาเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ในหลาย ๆ ประเทศมีประชากรไม่น้อยที่เชื่อว่าพวกเรายังพอมีเวลาที่จะกู้คืนสถานการณ์ไม่ให้มันเสียหายไปมากกว่านี้ ซึ่งการมองโลกในแง่ดีมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับความเชื่อในพฤติกรรมของผู้บริโภคที่สามารถมาเป็นแรงผลักดันในการสร้างความเปลี่ยนแปลงได้”

“การให้ความรู้ผู้บริโภคเกี่ยวกับความยั่งยืนควรเป็นปัจจัยที่จะมาเพิ่มการมีส่วนร่วมของพวกเขา ในขณะที่ช่องว่างในการพัฒนาความยั่งยืนที่เกิดจากความแตกต่างระหว่างประสบการณ์ของผู้บริโภคต่อต้นเหตุของปัญหาสภาวะโลกร้อนกับความจริงที่ว่าใครจะต้องรับผิดชอบปัญหาบ้างนั้นจึงกลายมาเป็นหนึ่งความท้าทายหลักของบริษัทว่าพวกเขาจะสามารถปิดช่องว่างในความแตกต่างเหล่านี้อย่างไรได้บ้าง ไม่ว่าจะการวางบริบทของตัวสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้นอย่างระมัดระวัง อีกทั้งบริษัทควรวางตัวเป็นผู้นำในการยืนยันตัวตนบนพื้นฐานของสิ่งที่ถูกต้องและร่วมแสดงความคิดเห็นต่อที่ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคม หรือบริษัทอาจผนึกกำลังกับภาครัฐผ่านข้อความและแคมเปญที่น่าติดตามจะสามารถช่วยสร้างผลกระทบที่ดีได้ รวมถึงการเปิดรับฟังแนวคิดในสารคดีปลุกจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม เช่น Seaspiracy และ Kiss the Ground สามารถช่วยได้เช่นกัน”

ผู้บริโภคต้องการให้บริษัทวัดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรงจากพฤติกรรมการซื้อสินค้าของพวกเขา

สุดท้ายนี้ เมื่อผู้บริโภคถูกถามว่าอะไรที่เป็นตัวกระตุ้นให้พวกเขาซื้อสินค้าหรือบริการที่อ้างว่ามีประโยชน์หรือช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภคมักมองหาข้อมูลว่าการใช้จ่ายของพวกเขาจะสร้างผลกระทบโดยตรงอย่างไรบ้าง เช่น การปลูกต้นไม้หนึ่งต้นต่อการซื้อหนึ่งครั้ง (48%) โดยพวกเขายังมองหาฉลากที่แสดงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมา (47%) หรือแม้แต่กว่าสองในห้า (42%) หาข้อมูลที่มีการใช้ระบบวัดผลกระทบที่เข้าใจได้ง่าย เช่น ปริมาณลิตรของน้ำที่ใช้หรือระยะการเดินทางเป็นกิโลเมตร ในขณะที่ 41% ของผู้บริโภคยังเชื่อในใบรับรองมาตรฐานที่เชื่อถือได้ เช่น B-Corp*

“ผู้บริโภคต้องการให้บริษัทใช้คำศัพท์และข้อมูลที่เข้าใจง่ายเพื่ออธิบายผลกระทบที่วัดได้และเกิดขึ้นโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อมจากการซื้อของของพวกเขา ในการแปลงความเชื่อในเชิงวิทยาศาสตร์ให้กลายเป็นโอกาสให้เกิดการซื้อจริงนั้น บริษัทจะต้องตอบสนองความต้องการด้วยการนำเสนอเรื่องราวหรือศัพท์ในเรื่องความยั่งยืนแก่ผู้บริโภคโดยที่เข้าใจง่ายจะช่วยเป็นอย่างมากนั่นเอง

นอกจากความต้องการในการรับรองจากองค์กรอื่น มันเห็นได้ชัดว่าผู้บริโภคต้องการที่จะเข้าใจผลกระทบที่พวกเขาสามารถสร้างได้ผ่านการซื้อของ เพื่อตอกย้ำความเชื่อที่ว่าการซื้อของพวกเขาจะเป็นเกิดผลกระทบที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมจริง ความท้าทายเหล่าที่เกิดขึ้นนี้คล้ายคลึงกับความท้าทายในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารที่มีฉลากโภชนาการ มันค่อนข้างเป็นเหตุผลที่ดีในเรื่องความยั่งยืนในการนำ traffic light system มาประยุกต์ในฤดูใบไม้ร่วงที่ใกล้มาถึง เช่น บริษัทเนสท์เล่และซุปเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ในสหราชอาณาจักรที่จะผนวกข้อความที่สวยงามและเข้าใจง่ายกับกับเป้าหมายที่ต้องการสื่อผ่านการรับรองจากองค์กรที่สาม อย่างไรก็ตามผู้บริโภคยังต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมว่ากรรมวิธีการผลิตต่างๆ นั้นสามารถประเมินและติดตามได้ที่ไหนและอย่างไรคุณ Richard กล่าวทิ้งท้าย

หมายเหตุ

*Certified B Corporations คือบริษัทที่ทำตามมาตรการที่เป็นที่ยอมรับของสังคมและสิ่งแวดล้อมในด้านผลประกอบการ ความโปร่งใสต่อประชาชน และ สามารถตรวจสอบได้ในทางกฏหมาย เพื่อที่สร้างความสมดุลของเป้าหมายและผลกำไร

Mintel Sustainability Barometer ฉบับใหม่รวบรวมผลการวิจัยและข้อมูลเชิงลึก เชิงทัศนคติต่อเรื่องความยั่งยืน พฤติกรรมและความชอบในการซื้อของผู้บริโภค จากการสำรวจผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 500 คน ที่มีอายุระหว่าง 16/18+ ใน 16 ประเทศในเดือนมีนาคม 2021

ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 500 คนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปในประเทศบราซิล ฝรั่งเศส เยอรมัน สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ อิตาลี โปแลนด์และสเปน

ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 500 คนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปในประเทศออสเตรเลีย แคนาดา จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทยและสหรัฐอเมริกา

ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มฟรีได้ที่: mintel.com/consumer-sustainability-barometer

เกี่ยวกับ Mintel

Mintel ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภคและเหตุผลเบื้องหลังชั้นนำของโลก เรานำเสนอข้อมูลในด้านการวิเคราะห์เกี่ยวกับผู้บริโภค ตลาด ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และทิศทางการแข่งขันในตลาดผ่านมุมมองเศรษฐกิจในระดับประเทศและระดับสากลในรูปแบบที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร นับตั้งแต่ปี 1972 คำวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญของเราได้ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างแม่นยำและฉับไว เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของเราได้ที่ mintel.com.