บล็อก

ฮอตสปอต: ส่องเทรนด์ธุรกิจติดอันดับเดือนสิงหาคม 2021

กันยายน 3rd, 2021 | ข่าว Mintel |

ฮอตสปอตขอนำท่านร่วมติดตามเทรนด์ของผลิตภัณฑ์และบริการใหม่จากทั่วโลกกับทีม Mintel Trends เหมือนเช่นเคย เดือนนี้จะเริ่มจากเรื่องราวนวัตกรรมเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบติดผนังอัจฉริยะที่ผู้ใช้สามารถขายไฟฟ้าคืนกับโครงข่ายไฟฟ้า ไปจนถึงเรื่องของน้ำยาทำความสะอาดที่เพียงเติมปริมาณน้ำตามระดับของแต่ละวัตถุประสงค์ก็สามารถใช้งานได้ง่าย ครบ จบในขวดเดียว มาติดตามสุดยอดนวัตกรรมระดับโลกที่เกิดขึ้นในเดือนนี้กัน

จากเครื่องยนต์สู่การชาร์จด้วยระบบโครงข่ายไฟฟ้า – สหราชอาณาจักร

บริษัทรถยนต์ Nissan และบริษัทพลังงาน EDF ร่วมกันเปิดตัวเครื่องชาร์จติดผนังระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อช่วยให้ผู้ขับสามารถขายไฟฟ้ากลับไปที่โครงข่ายไฟฟ้าได้ โดยผู้เป็นเจ้าของยานพาหนะ Nissan Leaf และ Nissan e-NV200 สามารถใช้บริการเครื่องชาร์จติดผนังนี้และยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการชาร์จรถยนต์ได้มากถึง 350 ปอนด์ต่อคันต่อปีเพียงขายไฟฟ้าส่วนเกินจากยานพาหนะดังกล่าวให้กับโครงข่ายไฟฟ้าแห่งชาติเท่านั้น นอกจากนั้นอ้างอิงจากข้อมูลของแบรนด์ Nissan กล่องชาร์จขนาด 11 กิโลวัตต์สามารถชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ Nissan Leaf ได้ภายในเวลาเพียงสามชั่วโมงครึ่ง ซึ่งเร็วกว่าเครื่องชาร์จมาตรฐานขนาด 7 กิโลวัตต์ถึง 50% อุปกรณ์อัจฉริยะนี้จะขายไฟฟ้าจากจุดชาร์จแบตเตอรี่ของรถยนต์กลับไปโครงข่ายไฟฟ้าในช่วงเวลาเร่งด่วนและชาร์จแบตในตอนกลางคืนเมื่อราคาค่าไฟถูกกว่า ซึ่งผู้ใช้แอปพลิเคชันของเครื่องชาร์จนี้สามารถกำหนดรูปแบบความต้องการในการใช้พลังงานในการขับรถ พร้อมดูระดับการชาร์จของรถยนต์ได้แบบเรียลไทม์และสามารถเปลี่ยนเป็นโหมดขายได้เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องการ

จากความกังวลเรื่องคุณภาพอากาศส่งผลให้มีผู้บริโภคและแบรนด์หันมาใช้และให้ความสนใจรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทว่าค่าใช้จ่ายและเวลาในการชาร์จยังเป็นหนึ่งในอุปสรรคหลักของการใช้งาน ซึ่งปัญหาที่มักพบในจุดนี้ทำให้เกิดการพัฒนาขึ้นทั้งในแง่การผลิตแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จได้เร็วขึ้นและในแง่ของจำนวนสถานีชาร์จที่ต้องมีมากขึ้น แม้ผู้บริโภคและแบรนด์ต่างมุ่งมั่นต่อการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ผลิตภัณฑ์เองต้องมีราคาที่จับต้องได้และเหมาะสมตามสถานะทางการเงินของผู้ใช้ด้วย ซึ่งสิ่งจูงใจอย่างการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ฟรีและแผนการขายไฟฟ้าคืนนั้นจะช่วยคลายข้อกังวลในเรื่องงบในกระเป๋าของผู้บริโภคและตอบโจทย์เรื่องการรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

– Helen Fricker, Trends Manager, EMEA

วิถีความสะอาดเพียงการเจือจางน้ำ – ประเทศนิวซีแลนด์

สตาร์ทอัพสัญชาตินิวซีแลนด์ Everdaily ออกผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับการทำความสะอาดบ้านด้วยน้ำยาทำความสะอาดแบบออลอินวันใหม่ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายเพียงขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่เติมลงไป โดยผลิตภัณฑ์นี้เป็นน้ำยาทำความสะอาดเข้มข้นที่สามารถเจือจางด้วยน้ำเปล่าและใช้ทำความสะอาดได้หลายวัตถุประสงค์ ไม่ว่าจะล้างจานหรือซักผ้า หากเจือจางด้วยน้ำ 5 ส่วนจะกลายเป็นน้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำ หรือหากเติมน้ำ 15 ส่วนสามารถบรรจุใส่ขวดสเปรย์เพื่อใช้เป็นสเปรย์อเนกประสงค์ได้อีกด้วย ด้วยสารสกัดเข้มข้นจากส่วนผสมของพืชและแร่ธาตุต่าง ๆ ทำให้เป็นน้ำยาปราศจากสารเคมีที่รุนแรงและไม่เป็นอันตรายจึงสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยทุกที่ในบ้าน ขณะนี้ Everdaily จัดส่งเฉพาะในประเทศนิวซีแลนด์เท่านั้น

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์แบบรีฟิลกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากเพราะผู้บริโภคกำลังมองหาทางเลือกเพื่อลดปริมาณการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง อย่างไรก็ตามผู้บริโภคต่างตระหนักถึงวิถีการบริโภครูปแบบต่าง ๆ ที่อาจกลายเป็นต้นเหตุปัญหาการทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะปริมาณหรือกิจกรรมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของแบรนด์ ปริมาณการใช้น้ำ หรือปริมาณสารเคมีที่เป็นพิษในผลิตภัณฑ์ แม้ที่กล่าวมาจะเป็นเพียงความกังวลบางส่วนที่ผู้บริโภคพิจารณาเวลาซื้อผลิตภัณฑ์ ข้อกังวลเหล่านี้ได้ถูกแก้ไขและพัฒนาแล้วด้วยผลิตภัณฑ์สารสกัดเข้มข้นในขวดเดียวของ Everdaily เพียงมีผลิตภัณฑ์นี้ก็สามารถใช้งานได้หลากหลายและยังดึงดูดผู้บริโภคสายมินิมอลได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงตอบปัญหาการเป็นตัวช่วยในการลดการใช้น้ำยาหลายขวดและลดปริมาณขยะในบ้าน แต่ยังสามารถใช้งานง่ายสำหรับทุกห้องและทุกฟังก์ชั่นได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ

– Elysha Young, Trends Manager, APAC

ความช่วยเหลือจากตำแหน่งบนแผนที่ – ประเทศจีน

AutoNavi เปิดตัวแอปพลิเคชันบริการความช่วยเหลือจากตำแหน่งที่ปักหมุดบนแผนที่ โดยผู้ใช้สามารถขอความช่วยเหลือฉุกเฉินแม้เว้นแม้ในช่วงที่เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในมณฑลเหอหนาน ด้วยปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมามากจนทำลายสถิติและเกิดเหตุน้ำท่วมไหลผ่านเมืองเจิ้งโจวในมณฑลเหอหนาน ส่งผลให้มีผู้คนจำนวนมากติดอยู่ระหว่างการเกิดพายุและต้องขอความช่วยเหลือผ่านทางอินเทอร์เน็ต จากเหตุวิกฤตน้ำท่วมนี้ AutoNavi ในฐานะผู้ให้บริการแผนที่ภายใต้การสนับสนุนของอาลีบาบาตอบสนองต่อเหตุการณ์ด้วยการเปิดฟีเจอร์ขอความช่วยเหลือแบบฉุกเฉินภายในแอปแผนที่เสร็จสิ้นในเช้าวันรุ่งขึ้นต่อมา ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้ในเหอหนานสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือด้วยการคลิกที่ปุ่ม ‘standing water’ บนแผนที่ ซึ่งแต่ละปุ่มจะแสดงตำแหน่งของผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยผู้ใช้สามารถโพสต์ข้อมูลฉุกเฉิน เช่น ข้อความ SOS, ที่หลบภัยใกล้เคียง และเบอร์ติดต่อของทีมช่วยเหลือพร้อมข้อมูลตำแหน่งบนแผนที่ของผู้อัพโหลดข้อมูล

ในยุคที่โซเชียลมีเดียได้เปลี่ยนวิธีการสื่อสารของผู้คน หลายคนหันไปใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่เพื่อขอความช่วยเหลือและข้อมูลฉุกเฉินในช่วงวิกฤตซึ่งรวมตั้งแต่การรระบาดของ COVID-19 ไปจนถึงวิกฤตภัยธรรมชาติ ซึ่งเหตุการณ์อุทกภัยใหญ่ที่เกิดขึ้นกลายเป็นความท้าทายสำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในการตอบสนองให้ทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ ผู้บริโภคต่างเรียกร้องและหวังให้บริษัทต่าง ๆ เปลี่ยนแพลตฟอร์มการสื่อสารเหล่านี้ให้กลายเป็นเครื่องมือช่วยชีวิตและช่วยเหลือในช่วงเกิดเหตุการณ์วิกฤตได้อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นการต่อสู้กับเวลาในการหาและให้ข้อมูลในช่วงคับขันให้ได้มากที่สุดเป็นเรื่องที่สำคัญ ด้วยความสามารถของฟีเจอร์ระบุตำแหน่งบนแผนที่ของ AutoNavi ได้ช่วยชีวิตผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือผ่านการติดต่อและเชื่อมโยงกับศูนย์มอบความช่วยเหลือได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที

– Victoria Li, Trends Analyst, APAC

Ex-beer-ience – ประเทศเม็กซิโก

Stella Artois จัดนิทรรศการศิลปะ “ARTOIS MALT GALLERY” กับการนำเสนอกระบวนการผลิตเบียร์จากมอลต์บริสุทธิ์ 100% ผ่านงานศิลปะในเมืองเม็กซิโกซิตี โดยแบรนด์จับมือกับศิลปินสี่ท่านเพื่อแสดงให้ผู้ชมเห็นถึงกระบวนการการเปลี่ยนแปลงจากมอลต์เมล็ดเล็ก ๆ จนมาเป็นเครื่องดื่มสุดคลาสสิกที่ทุกคนคุ้นเคยผ่านภาพวาด ดนตรี ดีไซน์และเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยการเข้าชมจะเริ่มต้นประสบการณ์ในห้องขนาดใหญ่ที่มีการผสมผสานการแสดงของศิลปะภาพวาด การออกแบบโครงสร้าง และดนตรีเข้าด้วยกันเพื่อให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกระบวนการผลิตเบียร์อย่างเต็มกระบวนโดยใช้มอลต์เป็นตัวเอกในการเล่าเรื่อง

ต้องยอมรับว่ามันเริ่มกลายเป็นเรื่องยากในการดึงดูดความสนใจของผู้ชมด้วย “การตลาดแบบเดิม ๆ” หลายบริษัทจึงพยายามมองหาวิธีสร้างความแตกต่างผ่านการรวมประสาทสัมผัสเข้าด้วยกัน แบรนด์สามารถกำกับหรือออกแบบประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสที่ไม่เหมือนใครเพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้อยู่กับแบรนด์และสนุกไปกับมัน หลังจากปีแห่งการล็อกดาวน์และการจำกัดกิจกรรมทางสังคม ประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสที่แปลกใหม่จะกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจขึ้นมา การเป็นพันธมิตรกับศิลปินทำให้เกิดอีเว้นท์ในรูปแบบแปลกใหม่ที่ผนวกเทคโนโลยีเข้ามาอย่างน่าสนใจทำให้แคมเปญเชิงประสบการณ์กลายเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโต เนื่องจากบริษัทต่างตระหนักดีว่า กลิ่น รส สัมผัส เสียง การมองเห็นและการได้ยินเป็นประตูสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งสำหรับแบรนด์และผู้บริโภค และที่สำคัญที่สุดคือการทำให้ประสบการณ์นั้นกลายเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคจะจดจำไปตลอดกาล

แหล่งที่มา: Milenio

– Dana Macke, Director of Trends, Americas

พื้นที่สำหรับสุขภาวะดิจิทัล- ประเทศสหรัฐอเมริกา

Athleta เปิดตัวแพลตฟอร์มสุขภาวะดิจิทัลใหม่ชื่อว่า AthletaWell แพลตฟอร์มนี้สร้างขึ้นจากความร่วมมือของ Obé Fitness ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มฟิตเนสที่บ้าน โดยโปรแกรมทั่วไปของ AthletaWell จะไร้ค่าใช้จ่าย ยกเว้นการเข้าถึงสิทธิพิเศษอื่น ๆ ภายใต้ระบบสมาชิก Athleta Rewards โดยคอร์สออกกำลังกายจะถูกปล่อยออกมาสี่คอร์สต่อเดือนผ่าน Obé Fitness ซึ่งมีอาจารย์ผู้สอนอย่าง Simone Biles และ Allyson Felix ผู้นำในเรื่องสุขภาวะผู้หญิงชื่อดังและยังเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Athleta อีกด้วย

เมื่อไม่นานมานี้ Athleta ภูมิใจอย่างมากกับการที่ได้ Simone Biles มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เพราะว่าสิ่งที่เธอคิดและทำอยู่ค่อนข้างสอดคล้องไปกับสิ่งที่แบรนด์ต้องการจะสื่อเป็นอย่างมาก เช่น เรื่อง Female Empowerment ปัจจุบันตลาด athleisure หรือชุดกีฬาลำลองมีการแข่งขันสูงขึ้นมากกว่าเดิม ฉะนั้นเราไม่ควรมองข้ามความสำคัญของเอกลักษณ์ของแบรนด์ หากแบรนด์ใดที่มีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่ชัดเจน แบรนด์จะสามารถหาโอกาสในการสร้างแพลตฟอร์มของตนเองได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับ Ben & Jerry’s ที่เป็นที่รู้จักในฐานะแบรนด์นักเคลื่อนไหวได้เปิดตัวพอดแคสต์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเหยียดเชื้อชาติในอเมริกา และ REI เปิดตัวอินเฮ้าส์สตูดิโอที่ตั้งใจเน้นถึงการเล่าเรื่องของกิจกรรมเอาท์ดอร์ในมุมมองใหม่ ๆ

– Diana Kelter, Senior Trends Analyst, US