บล็อก

ฮอตสปอต: ส่องเทรนด์ธุรกิจติดอันดับประจำเดือนมิถุนายน 2021

กรกฎาคม 27th, 2021 | ข่าว Mintel |

ฮอตสปอตขอนำท่านร่วมติดตามเทรนด์ของผลิตภัณฑ์และบริการใหม่จากทั่วโลกกับทีม Mintel Trends โดยเริ่มจากเรื่องราวการนำนำศิลปะมาปรับเปลี่ยนในโครงการริเริ่มในกล่องอาหารกลับบ้านเพื่อให้ผู้คนทั่วไปรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มคนส่งอาหารไปจนถึงแบรนด์ของผลิตภัณฑ์กลางแจ้งที่ใช้คอนเทนต์มายกระดับความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวกิจกรรมกลางแจ้งและอื่น ๆ อีกมากมาย มาติดตามสุดยอดนวัตกรรมระดับโลกที่เกิดขึ้นในเดือนนี้กัน

มื้ออาหารกับข้อความ – ประเทศจีน

The Rider Meal Box Plan เป็นโครงการริเริ่มเชิงศิลปะ ณ เมืองซีอาน เปิดบริการให้เช่ากล่องอาหารกันความร้อนโดยมีข้อความเก๋ไก๋อยู่ข้างกล่อง จุดประสงค์ในการจัดโครงการนี้เพื่อให้เหล่าพนักงานส่งอาหารในเมืองถูกมองเห็นถึงการมีอยู่ในสังคมมากขึ้นและยังมีเพิ่มรายได้พิเศษให้แก่พวกเขาอีกด้วย โดยทุกคนสามารถเช่าพื้นที่เพื่อใส่ข้อความได้เป็นเวลา 5 วันในราคาเพียง 10 หยวน (หรือ 1.50 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยจะต้องไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์

ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาโปรเจคนี้รับสมัครพนักงานส่งอาหารไปแล้วกว่า 50 คนเพื่อขับรถพร้อมกล่องอาหารที่ตกแต่งด้วยสโลแกนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อความคลายเครียด (อย่าง ‘วันนี้กินพริกแล้วยัง’) ไปจนถึงข้อความที่มุ่งสร้างความตระหนักในประเด็นใดประเด็นหนึ่ง (เช่น ‘ภาวะซึมเศร้าไม่ใช่เรื่องน่าอาย’) โครงการริเริ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Co-Governance Space ในเมืองซีอาน ท่ามกลางอีเวนต์อื่น ๆ ที่เกิดขึ้นกลุ่มนี้ได้รวมสิ่งสองสิ่งเข้าด้วยกันนั่นคือกิจกรรมนันทนาการและข้อความเพื่อมอบให้แก่คนขับรถส่งอาหาร จนถึงตอนนี้ Rider Meal Box Plan ได้รับข้อความจากนักศึกษา พนักงานบริษัท ศิลปินและนักเคลื่อนไหวมากถึง 300 สโลแกนและกิจกรรมนี้ยังได้ขยายไปยังเมืองอื่น ๆ ซึ่งรวมไปถึงปักกิ่งและกวางโจวด้วย

สถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CCTV) รายงานว่าในประเทศมีพนักงานส่งของกว่า 7 ล้านคนโดยพนักงานทั้งหลายมีสภาพการทำงานที่ค่อนข้างหนักและต้องทำติดต่อกันหลายชั่วโมง อย่างไรก็ตามด้วยกิจกรรมของโครงการที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ปัญหาของพวกเขาได้รับความสนใจมากขึ้น โดยแพลตฟอร์มบริการส่งของเหล่านั้นมักขาดความใส่ใจต่อระบบสวัสดิการ รวมไปถึงค่าตอบแทนและรางวัลที่เป็นเหมาะสมและเป็นธรรม โดยสิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นคำถามให้ถกเถียงอยู่เรื่อยมา แม้แพลตฟอร์มต่าง ๆ จะเริ่มทบทวนแนวทางการปฏิบัติต่อพนักงานส่งของของพวกเขา แบรนด์และผู้บริโภคไม่รีรอที่จะร่วมมือกันเพื่อช่วยกลุ่มคนที่ด้อยโอกาสในสังคมเหล่านี้ให้เสียงของพวกเขาถูกได้ยินและได้สภาพการทำงานที่ดีกว่าเดิม

– Victoria Li -Trends Analyst, APAC

สื่อ REI – ประเทศสหรัฐอเมริกา

REI เปิดตัวอินเฮ้าส์สตูดิโอสำหรับการผลิตคอนเทนต์เพื่อยกระดับการรับรู้เกี่ยวกับเรื่องราวข้างนอกห้อง ซึ่งสตูดิโอนี้ถูกรู้จักในนาม Co-op Studios ในการผลิตภาพยนตร์ พอดแคสต์และบทความต่าง ๆ ที่น่าสนใจ โดยผลงานชิ้นแรกเป็นคอนเทนต์ชื่อ The Trees Remember เป็นซีรีส์ที่แบ่งเนื้อหาออกเป็นสามตอนที่พูดถึงการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติผ่านผู้หญิงผิวสีสามคน โดย REI ให้ความสำคัญในเรื่องความหลากหลายและการมีส่วนร่วมผ่านเนื้อหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ทีมผู้ผลิตทำขึ้นผนวกกับความพยายามที่จะทำให้เห็นว่าการริเริ่มอะไรในด้านหนึ่งสามารถส่งเสริมและสนับสนุนการริเริ่มอะไรใหม่ในด้านอื่น ๆ ได้เช่นกัน

แบรนด์มักอยู่ในฐานะนักเล่าเรื่องและการเป็นแพลทฟอร์มที่มีอิทธิพลต่อความคิดผู้คนหลายคนเสมอ อย่างไรก็ตามการเป็นแพลทฟอร์มดั้งเดิมในการแบ่งปันเรื่องราวเริ่มจะอิ่มตัวขึ้น เราเริ่มเห็นแบรนด์มากมายพยายามหาวิธีในการแบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจและตรงไปตรงมาเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เจาะจงมากขึ้น เช่นเดียวกับ Ben & Jerry’s ที่เพิ่งเปิดตัวพอดแคสต์ของตัวเองที่ร่วมมือกับ Vox Media ในการพูดคุยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเหยียดเชื้อชาติในสหรัฐอเมริกา ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Ben & Jerry’s ลงมือทำสิ่งนี้เพราะ Ben & Jerry’s ได้สร้างชื่อเสียงจากการเป็นกระบอกเสียงสนับสนุนความยุติธรรมในสังคมและอยู่เคียงข้างผู้คนในประเด็นทางสังคมต่าง ๆ อยู่เสมอ ซึ่งการกระทำเหล่านี้ได้สร้างความเชื่อใจและความมั่นใจให้กับการเปิดตัวของพอดแคสต์นี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในทำนองเดียวกัน REI สร้างชื่อเสียงกับการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไลฟ์สไตล์กลางแจ้งซึ่งเป็นพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการเป็นนักเล่าเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติที่ผู้บริโภคจะให้ความสนใจ

– Diana Kelter – Senior Trends Analyst, US

มาลดการปล่อยมลพิษกัน – ประเทศออสเตรเลีย

แพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่ที่ช่วยผู้ขับขี่รถยนต์ที่ยังไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าได้ในการชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณเทียบเท่าการปล่อยมลพิษจากรถทั่วไปในระยะเวลาหนึ่งปี ลูกค้า Go Neutral จะจ่ายเงิน 90 ดอลลาร์ออสเตรเลียเพื่อชดเชยค่าคาร์บอนไดออกไซด์ 3.2 ตันซึ่งเป็นปริมาณที่รถยนต์จะผลิตก๊าซพิษออกมาเฉลี่ยในแต่ละปี โดยบริษัทจะนำเงินนี้ไปซื้อคาร์บอนเครดิตที่ดำเนินโดยโครงการอนุรักษ์ด้านสิ่งแวดล้อมทั่วออสเตรเลีย โดยลูกค้าจะได้รับสติกเกอร์กันชนรถยนต์สีสันฉูดฉาดที่ถูกออกแบบมาให้ผู้ขับขี่อื่นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ในเดือนพฤษภาคมบริษัทนี้ถูกซื้อกิจการโดย Green Collar ซึ่งเป็นบริษัทฟาร์มคาร์บอนส่งผลให้ข้อมูลเครดิตคาร์บอนของ Go Neutral ถูกเชื่อมต่อโดยตรงกับโครงการอย่าง Green Collar อีกทั้งยังยังทำให้ลูกค้าเห็นว่าเงินของพวกเขาจะไปที่ใดต่อ โดยกิจกรรมโครงการต่าง ๆ นั้นได้รวมถึงการฟื้นฟูที่ดิน การปรับปรุงดินดาร์บอนและการจัดการปศุสัตว์

ทว่าแนวคิดเรื่องการชดเชยคาร์บอนจะไม่ใช่เรื่องใหม่ มันยังเรื่องยากสำหรับผู้บริโภคที่จะมีส่วนร่วมในระดับบุคคลอยู่นั่นเอง แม้รถไฟฟ้าจะได้รับความนิยมมากขึ้นแต่ในออสเตรเลียรถประเภทนี้ยังมีราคาแพงและไม่ค่อยมีสถานีชาร์จไฟหรือหากมีโดยทั่วไปอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีกสองสามปีทีเดียว อย่างไรก็ตามในขณะนี้ผู้บริโภคต่างกระตือรือร้นที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อชดเชยการปล่อยมลพิษของพวกเขาและวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าอย่างน้อยพวกเขามีส่วนช่วยในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่พวกเขาสร้างขึ้นระหว่างรอทางเลือกอื่นที่สามารถชดเชยการปล่อยมลพิษที่ดีและเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้นในอนาคต และแม้การซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นเรื่องเกินเอื้อมสำหรับคนขับรถทั่วไป แต่การติดสติกเกอร์สีส้มกับวิถีชดเชยคาร์บอนทำให้ผู้คนรู้สึกว่าตนได้พยายามเป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือได้ ‘ทำดีรักษ์โลก’ แล้วนั่นเอง

– Elysha Young – Trends Manager, APAC

สบู่จากสะวันนา – ประเทศเนเธอร์แลนด์

โครงการขายสบู่ของแบรนด์ Savannezeep ที่มีส่วนประกอบของเชียบัตเตอร์และน้ำผึ้งเซียจากแถบ Sahel นำรายได้ที่บริษัทหามาสนับสนุนการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและโอกาสทางธุรกิจที่ยั่งยืนให้กับผู้หญิงในพื้นที่นั้น โดยผลิตภัณฑ์ตัวนี้ได้ร่วมมือกับผู้ผลิตที่มีทักษะการรังสรรค์สบู่เป็นอย่างดีมายาวนานอย่าง Werfzeep และ Birds, Bees & Business ในการสร้างแนวทางในการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและบรรเทาความยากจน โดยเชียบัตเตอร์มาจาก Sahel ซึ่งอยู่ในแถบแอฟริกาตะวันตกตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา ซึ่งพื้นที่นี้มักได้รับผลกระทบจากการแปรสภาพเป็นทะเลทราย การตัดไม้ทำลายป่า การอพยพของฝูงนก จำนวนประชากรผึ้งและวิถีชีวิตของผู้คน ขั้นตอนการเก็บและแปรรูปเมล็ดเชียมักทำโดยผู้หญิงและโครงการ Birds ,Bees & Business ช่วยให้พวกเขาสามารถพัฒนากระบวนการทำงานนี้ให้ยั่งยืนยิ่งขึ้นโดยรวมไปถึงการจัดตั้งระบบสหกรณ์และการค้นหาแหล่งผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ได้อีกด้วย

การตระหนักและการรับรู้ที่เพิ่มขึ้นถึงผลกระทบจากพฤติกรรมการบริโภคและระบบการผลิตที่ไม่ยั่งยืนในปัจจุบัน ตลอดจนความยากจนและการดิ้นรนของคนงานทั่วโลกส่งผลให้ผู้บริโภคมองหาทางเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีศีลธรรมและยั่งยืนต่อโลกมากขึ้น เราจะเริ่มเห็นแบรนด์มากมายเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนผู้คนและสิ่งแวดล้อมผ่านวัตถุดิบจากแหล่งที่ยั่งยืนกับกิจกรรมริเริ่มที่ส่งเสริมพลังของพนักงานและชุมชน ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เพียงเปี่ยมไปด้วยคุณภาพและความหมายดี ๆ ที่จะดึงดูดผู้บริโภค แต่ยังคงส่งผลดีต่อโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่อย่างมากที่สุดด้วยเช่นกัน

– Liisa Kontas – Trend Analyst, Nordic

โซดาคิดบวก – ประเทศโคลัมเบีย

Pony Malta เปลี่ยนสโลแกนของแบรนด์เพื่อเจาะไปยังกลุ่มวัยรุ่นและคนรักสุขภาพโดยเน้นไปที่ประโยชน์ของการไม่มี จากอดีตถึงปัจจุบันภาพลักษณ์ของ Pony Malta มักติดตรึงในกลุ่มผู้บริโภคกับความเป็น “A champion’s drink” หรือเครื่องดื่มของผู้ชนะ แต่กลยุทธ์ใหม่ได้เติมทัศนคติดี ๆ ลงมากขึ้น จากการเฟ้นหาวิธีช่วยเหลือวัยรุ่นในเรื่องปัญหาสุขภาพจิต เคลมใหม่ของบริษัทจึงออกมากับการด้วยสโลแกนใหม่อย่าง “It is fine to lose” หรือลดบ้างก็ดีที่เน้นไปยังเหตุผลและโอกาสที่ว่าทำไมการลดหรืองดถึงควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง ไม่ว่าจะเป็นแฮชแท็ก #ItIsFineToLose the fear to falling if that’s gonna make me a better sports player” (มันก็ไม่เป็นไรนะกับการกล้าที่จะล้มถ้ามันทำให้ฉันเป็นนักกีฬาที่เก่งขึ้น) และ “#ItIsFineToLose 40% of sugar content if we win a healthier and flavorsome drink (#มันไม่แย่นะที่จะเสียปริมาณน้ำตาล 40% เพื่อเครื่องดื่มที่ดีกว่าและเต็มไปด้วยรสชาติที่อร่อย) ซึ่ง Pony Malta พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการเสียอะไรไปไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสียหมด

ในปี 2019 Pony Malta เปิดตัวไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง Vital โดยลดปริมาณน้ำตาลแต่ยังคงรสชาติดั้งเดิมไว้ หลังการเปิดตัวแบรนด์ได้ตัดสินใจที่จะปกป้องสุขภาพของเด็ก ๆ ต่อไป โดยรับหน้าที่เป็นพันธมิตรด้านสุขภาพแก่ผู้ปกครอง เนื่องจากผู้ใหญ่กลุ่มนี้มักกังวลถึงปัญหาสุขภาพของลูก ๆ อยู่เสมอ แบรนด์อย่าง Pony Malta จึงปรับกลยุทธ์มาเป็นการส่งเสริมวิถีสุขภาพดีพร้อมข้อความเชิงบวกอีกด้วย ในการลดปริมาณน้ำตลาดและโซเดียมลงอาจไม่เพียงพอเมื่อการดูแลสุขภาพเริ่มกลายเป็นการต้องดูแลแบบองค์รวมที่ผนวกเรื่องของสุขภาพจิตมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ทั้งผู้ปกครองและเด็กจึงเล็งเห็นความสำคัญกับผลกระทบที่เกิดจากโฆษณาที่มีผลต่อสุขภาพอารมณ์ในกลุ่มเยาวชนมากขึ้น หากแบรนด์ใดที่มัวแต่พูดถึงเรื่องมาตรฐานความงามหรือข้อความที่มุ่งเน้นไปแต่ความสำเร็จเพียงอย่างเดียวจะไม่ถูกสนับสนันจากผู้บริโภค ฉะนั้นการปรับกลยุทธ์ในการสร้างผลกระทบเชิงบวกแบบองค์รวมต่อชีวิตของเด็ก ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่แบรนด์จะต้องไม่มองข้ามและให้ความสนใจอยู่เสมอนั่นเอง

– Diana Kelter – Senior Trends Analyst, US