การออกมาของอาหารการกินและชุดทดสอบใหม่ที่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาสุขภาพของจุลินทรีย์ในลำไส้ในตลาดได้เปิดโอกาสให้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของจุลินทรีย์ที่เป็นมิตรต่อลำไส้ โดยอาหารที่มีจุลินทรีย์เป็นส่วนประกอบหลักจะกลายเป็นองค์ประกอบใหม่ในการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล ด้วยการบริโภคเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่จุลินทรีย์ในลำไส้ที่เชื่อว่าจะนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดีกว่าในแบบองค์รวม

การกินอาหารแบบไมโครไบโอมกลายเป็นเหตุผลใหม่ในการ “กินคลีน”

จากการวิจัยของ Mintel พบว่ากว่า 3 ใน 4 ของผู้บริโภคชาวไทย เห็นด้วยว่าการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพอาจมอบคุณประโยชน์ต่อผิวพรรณและเส้นผมมากกว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอก โดยไมโครไบโอมในอาหารสามารถช่วยจัดการกับ Gut Dysbiosis (หรือความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้) และยังสามารถช่วยฟื้นฟูสุขภาพของลำไส้ กระตุ้นระบบเผาผลาญ และช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย เช่นเดียวกับหลักโภชนาการในการรักษาลำไส้อื่น การกินอาหารแบบไมโครไบโอมในระยะแรกเริ่มจะเน้นไปที่การกำจัดแบคทีเรียที่ไม่แข็งแรงออกจากลำไส้และซ่อมแซมเยื่อบุลำไส้

หลังจาก 21 วัน ผู้บริโภคสามารถเริ่มค่อย ๆ เพิ่มการรับประทานอาหารประเภทอื่นในโภชนาการของพวกเขา โดยอาหารที่อุดมไปด้วยเส้นใยอาหารอย่างโปรไบโอติกและพรีไบโอติกจะช่วยส่งเสริมการสร้างจุลินทรีย์ในลำไส้ที่แข็งแรง โดยโภชนาการประเภทนี้ส่งเสริมให้รับประทานอาหารออร์แกนิคและหลีกเลี่ยงของทอด สารให้ความหวานเทียม และสารเคมีอื่น ๆ เช่น ยาฆ่าแมลงหรือฮอร์โมนกระตุ้น เพราะสารเหล่านี้มีส่วนในการทำลายจุลินทรีย์ในลำไส้หรือก่อให้เกิดอาการอักเสบได้

สร้างกระแสด้วย Clean Label (ฉลากอาหารสะอาด)

อาหารการกินที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับจุลินทรีย์ในลำไส้จะเพิ่มมิติใหม่ให้กับ “การกินคลีน” ฉะนั้นอาหารการกินเพื่อบำรุงจุลินทรีย์ในลำไส้ให้แข็งแรงนี้จะส่งเสริมผู้บริโภคให้หลีกเลี่ยงอาหาร สารเคมี หรือวัตถุดิบใดก็ตามที่อาจก่อให้เกิดอาการอักเสบเพื่อการฟื้นบำรุงและการปรับสมดุลของปริมาณจุลินทรีย์ในลำไส้อย่างดีที่สุดนั่นเอง

เรื่องของจุลินทรีย์ในลำไส้ถูกจับตามองและถูกให้ความสนใจมากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคบางรายรู้สึกกังวลถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาวจากการมีอยู่ของสารเคมีบางชนิดในอาหาร โดยเฉพาะฮอร์โมน ยาฆ่าแมลง สารให้ความหวานเทียม และสารกันบูด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสอดคล้องไปกับเทรนด์ผลิตภัณฑ์ Clean Label โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีเคลมเกี่ยวข้องกับการปนเปื้อนของสารเคมี

จุลินทรีย์ปรับลำไส้ปฏิวัติเป้าหมายการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล

การกินอาหารที่มีจุลินทรีย์เป็นส่วนประกอบหลักจะกลายเป็นองค์ประกอบใหม่ของการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลในอนาคต โดยชุดทดสอบด้วยตัวเองที่บ้านจะเป็นหนึ่งในตัวช่วยในการสร้างความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับจุลินทรีย์ในลำไส้ของผู้บริโภค มากไปกว่านั้นจุลินทรีย์ในลำไส้ยังกลายเป็นประเด็นสำคัญที่น่าสนใจในเชิงการแพทย์บูรณาการด้วยเช่นกัน หากไม่รวมประเด็นการช่วยบำรุงระบบทางเดินอาหาร จุลินทรีย์ในลำไส้นี้สามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน พัฒนาระบบเผาผลาญ และรวมไปถึงการทำงานของระบบประสาท คุณประโยชน์เหล่านี้จะช่วยเปิดโอกาสใหม่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมสุขภาพจุลินทรีย์ในลำไส้และสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมของผู้บริโภคได้อีกด้วย

สถาบันวิจัยต่างเร่งสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างการทำงานของลำไส้กับอวัยวะส่วนอื่นของร่างกาย เช่น สมอง หัวใจ ปาก และ ปอด โดยมุ่งเน้นไปในเรื่องของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพในด้านต่าง ๆ โดยนักวิจัยเหล่านี้พยายามทำความเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในลำไส้สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพส่วนอื่น ๆ และอาจจัดการกับโรคที่มีรากฐานมาจากการอักเสบในลำไส้อย่างไรได้บ้าง อย่างเช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคสะเก็ดเงิน

อาหารและเครื่องดื่มที่เสริมสร้างหรือซ่อมแซมจุลินทรีย์ในลำไส้จะเป็นที่รู้จักมากขึ้น อย่างการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรไบโอติก พรีไบโอติก หรืออาหารหมักดอง ไม่เพียงแต่ดึงดูดผู้บริโภคที่ต้องการดูแลสุขภาพลำไส้แต่เพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงกลุ่มคนที่ต้องการดูแลสุขภาพโดยรวมด้วยเช่นกัน โดยความตระหนักที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับจุลินทรีย์ในลำไส้ทำให้ผู้บริโภคเกิดเหตุผลในการหลีกเลี่ยงการรับประทานใหม่ต่อส่วนผสมที่อาจทำให้เกิดการอักเสบหรือความไม่สมดุลในลำไส้

ในอนาคตเทคโนโลยีจะสามารถมอบแนวทางด้านสุขภาพที่เน้นเฉพาะบุคคลฃแก่ผู้บริโภค โดยเทรนด์อาหารและเครื่องดื่มระดับโลกปี 2030 ของ Mintel เรื่อง ‘Smart Diets’ คาดการณ์ว่าชุดทดสอบที่บ้านจะกลายเป็นทางออกด้านสุขภาพส่วนบุคคลที่สำคัญสำหรับผู้บริโภค

สิ่งที่เราคิด

ผู้บริโภคกำลังมองหาทางออกที่พวกเขาสามารถกำหนดเองได้เพื่อสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีที่เหมาะสมกับตน ตามที่คาดการณ์ในรายงาน The Future of Vitamins, Minerals and Supplements 2021 ของ Mintel พลังจากการมีสุขภาพลำไส้ที่ดีขึ้นและความสามารถในการปรับเปลี่ยนตามรูปแบบเฉพาะส่วนบุคคลจะปูทางอนาคตของตลาด VMS: ตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคชาวไทยที่มีอายุมากกว่า 45 ปีกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีสรรพคุณเฉพาะที่ส่งเสริมการทำงานของสมอง/ความคิดการอ่าน สุขภาพตา และภูมิคุ้มกัน แบรนด์ควรใช้โอกาสนี้ในการจุดประกายความสนใจต่อเรื่องสุขภาพของลำไส้ในกลุ่มผู้บริโภค เพราะข้อความเกี่ยวกับการสนับสนุนสุขภาพจุลินทรีย์ในช่องท้องไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับการอ้างสรรพคุณในการบำรุงสุขภาพลำไส้ของร่างกาย แต่มันยังสามารถอ้างอิงไปถึงการช่วยผู้บริโภคพิชิตเป้าหมายในการดูแลสุขภาพองค์รวมของพวกเขาไปพร้อม ๆ กัน การตระหนักรู้และความเข้าใจใหม่ ๆ เกี่ยวกับจุลินทรีย์กับการเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของการมีสุขภาพดีจะสร้างโอกาสให้กับผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยส่วนผสมที่เป็นมิตรต่อไมโครไบโอมในลำไส้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนประกอบที่มีเส้นใย โปรไบโอติก และอาหารหมักดอง โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเสริมสร้างจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้เหล่านี้และการปฏิบัติตามเทรนด์ Clean Label (หรือฉลากสะอาด) ด้วยการไม่ใช้ฮอร์โมน ยาฆ่าแมลง สารกันบูด และส่วนผสมสังเคราะห์ในอาหารมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จต่อไปในตลาดอาหารและเครื่องดื่มโลก