อินโดนีเซียกำลังก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมความงามระดับโลก โดยเปิดโอกาสมากมายให้แก่การสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค ด้วยจำนวนประชากรกว่า 270 ล้านคน ซึ่งกว่าครึ่งมีอายุต่ำกว่า 30 ปี ทำให้อินโดนีเซียเป็นตลาดที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่ที่พร้อมเปิดรับเทรนด์ความงามใหม่ ๆ

ผู้บริโภคที่มุ่งเน้นความคุ้มค่า

ผู้บริโภคชาวอินโดนีเซียมีความพิถีพิถันมากขึ้นในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ความงาม งานวิจัยของ Mintel Global Consumer เผยว่าผู้หญิง 91% เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์เพื่อหาข้อเสนอที่ดีที่สุด ขณะที่ 84% มักซื้อผลิตภัณฑ์ความงามที่มีส่วนลด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญอย่างมากกับความคุ้มค่าโดยไม่ลดทอนคุณภาพ นอกจากนี้ พฤติกรรมการซื้อยังได้รับอิทธิพลจากโลกดิจิทัลอีกด้วย โดย 21% ของผู้หญิงอายุ 18-34 ปี มีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาความงามออนไลน์ในช่วงสามเดือนก่อนเดือนกันยายน 2567

แบรนด์ความงามจากจีนกำลังมีบทบาทเพิ่มขึ้น

แบรนด์ความงามจากจีนกำลังมีบทบาทสำคัญในตลาดอีคอมเมิร์ซของอินโดนีเซีย โดยมีสินค้าประมาณ 100 รายการวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มอย่าง Sociolla และร้านค้าออนไลน์ของ Watsons ในประเทศ ตามข้อมูลของ Mintel แบรนด์เหล่านี้สามารถสร้างความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคชาวอินโดนีเซียได้ ด้วยการมุ่งเน้นที่ส่วนผสมหลัก (hero ingredient) การสื่อสารที่เน้นไปยังส่วนผสม และกลยุทธ์ทางการตลาดที่สร้างสรรค์ นอกจากนี้ แบรนด์เหล่านี้ยังเพิ่มความน่าสนใจด้วยการปรับสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการด้านความงามของตลาดท้องถิ่นในราคาที่เข้าถึงได้

นวัตกรรมขับเคลื่อนการเติบโตของตลาด

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเครื่องสำอาง ถูกขับเคลื่อนด้วยคุณสมบัติกล่าวอ้างที่เน้นเสริมความงามและการใช้งานเป็นหลัก ซึ่งคิดเป็น 77% และ 76% ของผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวในปี 2567 ตามลำดับ จากข้อมูลของฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ใหม่ระดับโลก (GNPD) ของ Mintel เทรนด์ความนิยมนี้สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของผู้บริโภคที่มีต่อความโปร่งใส ความปลอดภัย และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ความงาม

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเกาหลียังคงได้รับความนิยมจากกระแสเกาหลี หรือ Hallyu โดยนวัตกรรมที่มุ่งเน้นการปรับสมดุลระหว่างผิวหนังและระบบลำไส้ รวมถึงการผสานหัตถการความงามเข้ากับผลิตภัณฑ์สกินแคร์ (เช่น microneedling และส่วนผสมฟื้นฟูผิวอย่าง PDRN) สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวขั้นสูงได้ ซึ่งแสดงถึงโอกาสสำหรับแบรนด์ในการค้นคว้าพัฒนาสูตรใหม่ ๆ ที่ตรงกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปเหล่านี้

ตลาดผิวแพ้ง่ายได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น

ตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่ายกำลังกลายเป็นกลุ่มตลาดที่มีศักยภาพสูง ข้อมูลจาก Mintel GNPD แสดงให้เห็นว่าการกล่าวอ้างว่า “เหมาะสำหรับ” (suitable-for) ในผลิตภัณฑ์ความงามเพิ่มขึ้นจาก 34% ในปี 2565 เป็น 43% ในปี 2567 ขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่มีคำว่า “sensitive” หรือคำที่มีความหมายใกล้เคียงระบุไว้ในคำอธิบายผลิตภัณฑ์ ก็เพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 38% ในช่วงเวลาเดียวกัน

ตามรายงานของ Mintel แบรนด์ต่าง ๆ มีโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นสนับสนุนเกราะป้องกันผิวแบบหลายมิติ และการปรับสมดุลไมโครไบโอมของผิว แนวโน้มนี้สอดคล้องกับแนวโน้มของผู้บริโภคในวงกว้างที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่จัดการปัญหาตรงจุดและเหมาะกับสภาพผิวที่บอบบาง โดยเฉพาะผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ผลักดันการเปลี่ยนแปลงนี้ โดย 89% ของผู้หญิงอินโดนีเซียอายุ 18-24 ปี สนใจผลิตภัณฑ์ความงามที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับกลุ่มอายุของพวกเขา

ในขณะที่ตลาดความงามของอินโดนีเซียเติบโตขึ้น แบรนด์ที่สามารถรักษาสมดุลระหว่างความคุ้มค่า ประสิทธิภาพ และความสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่นได้สำเร็จจะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง จุดตัดระหว่างความต้องการของผู้บริโภคในด้านความคุ้มค่าและนวัตกรรม จะเปิดโอกาสให้เกิดการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ในอนาคตข้างหน้า